เทคนิคการตั้งเสียงขั้นสูง
บางครั้งการฟังเสียงของ ‘คู่ 5’ ก็เป็นสิ่งที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะกับนักดนตรีมือใหม่ เทคนิคการตั้งเสียงขั้นสูงดังต่อไปนี้คงจะมีประโยชน์กับนักไวโอลินบ้าง
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับเสียง ‘Harmonic’ (เสียงประสาน) หรือเสียง ‘Overtone’ (เสียงคู่ 8)
เสียก่อน โน้ตแต่ละตัวที่เราได้ยินนั้นจะมีเสียงประสานที่ทำให้เกิดเป็นโทนเสียง
เช่น การทำเค้ก ที่มีส่วนผสมของ เเป้ง, ไข่ไก่, น้ำตาล ฯลฯ และส่วนผสมอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกันก็จะได้ขนมเค้ก
ตัวโน้ตที่เราได้ยินก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียง A หรือเสียงอะไรก็ตาม
เราสามารถได้ยินเสียง Harmonic ของไวโอลินโดยการใช้นิ้วแตะสายเบาๆ
บนสายตรงตำแหน่งของมัน ซึ่งอยู่บริเวณกึ่งกลางสาย
เมื่อลากคันชักผ่านสายที่จุดกึ่งกลางสายนั้นๆ ซึ่งเรียกว่า Node (ในทางฟิสิกส์หมายถึง เส้นหรือบริเวณของคลื่นที่มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยหรือไม่มีการสั่นสะเทือนเลย)
ซึ่งเป็นจุดของสายที่ไม่มีการสั่นสะเทือน (คุณอาจจะเคยเห็นจากการเล่นกระโดดเชือกของเด็กมาบ้างแล้ว
ถ้าคุณแกว่งเชือกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ จะมีจุดที่ดูเหมือนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวซึ่งเรียกว่า
Node นั่นเอง) ใช้ปลายนิ้วแตะที่ส่วนนี้เบาๆ เมื่อลากคันชักผ่านสาย
จะเกิดโน้ตที่เสียงสูงกว่าโน้ตตัวเดิม 1 ขั้นคู่เสียง (Octave)
นอกจากนั้นยังมี Node อีก 1 จุดตรงส่วนที่สายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ใช้ปลายนิ้วแตะที่ส่วนนี้เบาๆ ในขณะที่ลากคันชักผ่านสาย
จะเกิดโน้ตที่เสียงสูงกว่าโน้ตตัวเดิม 1 ขั้นคู่เสียง
(Octave) บวกกับอีก ‘คู่ 5’ (Perfect
Fifth)
และด้วยพื้นฐานความรู้อันนี้ คุณสามารถนำไปใช้ตั้งสายไวโอลินของคุณได้
ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. ใช้ปลายนิ้วแตะที่จุดกึ่งกลางสาย E เมื่อลากคันชักผ่านสายจะได้เสียง
‘e’ ที่สูงกว่า 1 ขั้นคู่เสียง
(โดยปกติแล้วเมื่อแตะนิ้วที่ระยะ 1/2 ของ Node สาย E จะให้เสียง ‘e’ ซึ่งสูงกว่า
1 ขั้นคู่เสียง แต่วิธีนี้ไม่สามารถใช้กับ Harmonic
แบบอื่นๆ ได้)
2. ใช้ปลายนิ้วแตะที่จุด 1 ใน 3 ของสาย A จะได้เสียง ‘e’ ที่สูงกว่าเสียง
A, 1 ขั้นคู่เสียงบวกกับอีก ‘คู่ 5’
ซึ่งเป็นโน้ตตัวเดียวกับโน้ตที่คุณพึ่งเล่นด้วย Harmonic บนสาย E (ระยะ 1/3 ของ
Node จะได้โน้ตที่เสียงสูงกว่าโน้ตตัว E บนสาย
A)
3. ใช้ปลายนิ้วก้อยของมือซ้ายเล่นเสียง Harmonic บนสาย E โดยให้มือซ้ายอยู่ในตำแหน่งนั้นเอาไว้
ใช้ปลายนิ้วชี้หาเสียง Harmonic ของสาย A ซึ่งวิธีเล่นโน้ต Harmonic แบบต่างๆ
เหล่านี้จะทำให้คุณจะพบว่า สามารถที่จะบอกถึงเสียงที่เพี้ยนได้ง่ายกว่า
เนื่องจากเสียง Harmonic เหล่านี้จะให้ระดับเสียงที่ตรงกันพอดี
4. ปฏิบัติเช่นเดียวกันบนสายอื่นๆ วิธีการนี้จะช่วยฝึกประสาทหูของคุณได้เป็นอย่างดี
หวังว่าคุณคงไม่สับสนไปเสียก่อน เพราะยังมีวิธีตั้งสายอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
ให้เลื่อนนิ้วมือขึ้นมาเล่นโพสิชั่น 4 ของสาย A ซึ่งนิ้วชี้จะอยู่บนโน้ตตัว E ของสาย A ลองหาโน้ตของสาย E ที่อยู่สูงกว่า 1 ขั้นคู่เสียงด้วยนิ้วก้อย เมื่อคุณพบโน้ตขั้นคู่เสียงที่ว่าเเล้ว ให้ผ่อนแรงกดบนสายของนิ้วทั้ง
2 จะทำให้ปลายนิ้วของคุณสัมผัสบนสายเบาๆ เท่านั้น ลากคันชักผ่านสายทีละสาย
คุณจะได้เสียง Harmonic ของแต่ละสายที่ตรงกัน ใช้วิธีนี้ในการตั้งสาย
E
เทคนิคการใช้สายเปล่าสาย A (440 Hz) ในการตั้งสายไวโอลินของคุณ
มีวิธีการดังนี้
1. ตั้งสาย A กับเครื่องตั้งสาย เช่น
Tuning Fork หรือเครื่องตั้งสายอีเล็คโทรนิค
หรือตั้งให้เข้ากับเสียง A ของคนอื่นๆ ในวงดนตรี
2. หลังจากนั้นใช้เสียง Harmonic ของสาย A
(ตำแหน่ง 1/3 ของสาย) เพื่อตั้งเสียง Harmonic
สาย E (ตำแหน่ง 1/2 ของสาย)
3. หลังจากนั้นใช้เสียง Harmonic ของสาย A
(ตำแหน่ง 1/2 ของสาย) เพื่อตั้งเสียง Harmonic
สาย D (ตำแหน่ง 1/3 ของสาย)
4. หลังจากนั้นใช้เสียง Harmonic ของสาย D
(ตำแหน่ง 1/2 ของสาย) เพื่อตั้งเสียง Harmonic
สาย G (ตำแหน่ง 1/3 ของสาย)
ข้อควรจำก็คือ ไม่มีอะไรที่จะพัฒนาประสาทการฟังของคุณได้ดีไปกว่าการเล่นเครื่องดนตรีที่ตั้งเสียงอย่างถูกต้อง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น