เพิ่มเติมเลือก ไวโอลิน 06 เทคนิคการผลิตเสียงแบบต่างๆ (Bowing )
Detache Bowing
Detache เป็นคำในภาษาฝรั่งเศส เป็นเทคนิคการเล่นพื้นฐาน ซึ่งการลากคันชักแต่ละครั้งจะเล่นแยกโน้ตกัน
การสร้างโทนเสียงของแต่ละโน้ตไม่ควรจะต่อเนื่อง กัน แต่ในบางครั้งอาจจะแยกโน้ตแต่ละตัวออกจากกันเล็กน้อย
หรือเน้นเสียงของโน้ต (Accent) แต่ละตัว โดยปกติแล้วเทคนิค
Detache จะเเสดงด้วยเส้นที่อยู่ด้านบนหรือข้างล่างโน้ตแต่ละตัว
Martele Bowing
เทคนิค Martele (หมายถึงค้อนในภาษาฝรั่งเศส
หรือ Martelato ในภาษาอิตาลี)
จะแสดงด้วยหัวลูกศรหรือจุด (ขึ้นอยู่กับผู้ประพันธ์จะกำหนด) อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของตัวโน้ตนั้นๆ
เทคนิคการสร้างเสียงที่มีพลังและไม่ต่อเนื่องนี้ สามารถทำได้โดย เพิ่มน้ำหนักกดที่คันชักด้วยมือขวาและนิ้วชี้
หลังจากนั้นจึงผ่อนน้ำหนักทันทีและลากคันชักผ่านสายต่อไป หยุดคันชักอย่างรวดเร็วและกดน้ำหนักอีกครั้ง
โดยให้คันชักอยู่บนสายตลอด เทคนิคการฝึกแบบนี้สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของคันชัก
(โคน, กลาง, ปลายคันชัก)
|
|
|
Legato Bowing
Legato เป็นคำในภาษาอิตาลี หมายถึงการใช้คันชักแบบต่อเนื่อง
ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ การสีคันชักขึ้น (Up-bow) และการสีคันชักลง (Down-bow) ซึ่ง Frog จะลากออกห่างจากสาย ในขณะที่การสีคันชักขึ้น Frog จะเลื่อนเข้าหาสาย
การเปลี่ยนคันชัก (จากทิศทางของการลากคันชักอันหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง)
ควรจะทำแบบต่อเนื่องไม่ให้เกิดช่องว่างหรือขาดช่วง โดยปกติแล้วการสีคันชักลงจะให้น้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าการสีคันชักขึ้น
พยายามรักษาความสมดุลของการใช้คันชักเพื่อไม่ให้ได้ยินความแตกต่างของการเปลี่ยนคันชัก
Legato (ตรงข้ามกับ Staccato) ซึ่งหมายถึงความต่อเนื่องของการใช้คันชัก
นอกจากนั้นยังหมายถึงการเล่นโน้ตมากกว่า 1 ตัวด้วยการสีคันชักเพียงครั้งเดียวด้วยเครื่องหมายโยงเสียง
(Slur)
|
|
|
Sautille Bowing & Spiccato Bowing
Sautille ( Bounced ในภาษาฝรั่งเศส หรือ Saltando
ในภาษาอิตาลี) เป็นเทคนิคการใช้คันชักแบบกระเด้งไปมาบนสาย แทนค่าด้วยสัญลักษณ์จุด
เล่นในจังหวะที่เร็วโดยใช้บริเวณกลางคันชัก ซึ่งคันชักจะอยู่ค่อนข้างใกล้กับสาย เเม้ว่าในแต่ละคันชักจะกระเด้งออกจากสายเล็กน้อย
เทคนิคนี้จะใช้ในโน้ตที่เร็วๆ ซึ่งโน้ตแต่ละตัวแยกจากกัน ส่วนเทคนิค Spiccato
( Detached ในภาษาอิตาลี) เป็นเทคนิคการใช้คันชักแบบเดียวกัน
ใช้เครื่องหมายแบบเดียวกัน แม้ว่าโดยปกติแล้วจะช้ากว่าเล็กน้อยและควบคุมได้ง่ายกว่า
|
|
|
Ricochet Bowing
Ricochet (หรือ Jete ในภาษาฝรั่งเศส)
สามารถทำได้โดยการสบัดด้ามคันชักด้านบนประมาณสามส่วนสี่ (ซึ่งจะเขียนให้ใช้คันชักสีลง)
สีลงบนสาย และสามารถเล่นโน้ตต่อเนื่องอย่างรวดเร็วเป็นชุดได้
ส่วนใหญ่จะเล่นประมาณ 3-4 ตัวโน้ต แต่สามารถเล่นมากกว่า 10
โน้ตในคันชักเดียวได้
|
|
|
Arpeggio Bowing
Arpeggio คือการเล่นคันชักเเบบแตกคอร์ด
โดยการกระเด้งคันชักข้ามสายต่างๆ ซึ่งโน้ตแต่ละตัวจะเล่นบนสายที่ต่างกัน
Tremolo Bowing
เทคนิค Tremolo มักจะใช้ในวงอร์เคสตร้า
สิ่งสำคัญก็คือการใช้คันชักสั้นๆ สีขึ้นและลงอย่างรวดเร็วบนโน้ตตัวเดิม
Sul Ponticello Bowing
Sul Ponticello ในภาษาอิตาลีหมายถึง ‘บนหย่อง’ เป็นเทคนิคที่ให้สุ้มเสียงที่ค่อนข้างกระด้าง
โดยการสีคันชักให้คันชักให้ใกล้ๆ กับหย่อง
Sul Tasto (Sulla Tastiera, Flautando) Bowing
การใช้คันชักเหนือฟิงเกอร์บอร์ด ให้สุ้มเสียงที่นุมนวลและล่องลอย ในบางครั้งจะคล้ายกับเสียงฟลุ้ต
(Hence Flautando) โดยปกติจะใช้คันชักไม่เกิน 1-2 นิ้วหรือประมาณ 3-5 ซม. เหนือฟิงเกอร์บอร์ดเพื่อสร้างน้ำเสียงดังกล่าว
Col Lengo Bowing
เป็นเทคนิคที่ใช้ด้ามคันชักเเทนการใช้หางม้า ในบางครั้งจะผสมผสานทั้งการใช้ด้ามคันชักและหางม้าเพื่อสร้างเสียงแบบ
Col Lengo ซึ่งจะให้เสียงที่แตกต่างออกไป
|
|
|
Loure Bowing
Loure ( Portato ในภาษาอิตาลี) เทคนิคนี้ โน้ตหลายๆ
ตัวจะถูกแบ่งจากการโยงเสียง (Slur) โดยการหยุดเพียงเล็กน้อยในระหว่างที่ใช้คันชักหรือการเน้นโน้ตแต่ละตัวโดยไม่ต้องเปลี่ยนทิศทางของคันชัก
และจะใช้ในเพลงที่เป็น Cantibile (อ่อนหวานและเหมือนเสียงร้องเพลง)
Staccato Bowing
เป็นเทคนิคการใช้คันชักซึ่งจะให้ผลลัพธ์ของเสียงที่คล้ายกับเทคนิค
Martele หลายๆ
ตัวต่อเนื่องกันในการสีคันชักเดียวกัน สามารถเล่นได้ทั้งสีคันชักขึ้นหรือสีคันชักลง
ซึ่งการสีคันชักขึ้นจะง่ายกว่า และสามารถทำให้คันชักเด้งออกห่างจากสายเล็กน้อยซึ่งจะเกิดเทคนิคที่เรียกว่า
Staccato Volante หรือ Flying Staccato
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น