วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เพลงศิลปะ (Art Song)

 

พลงศิลปะ (Art song)  

       คือเพลงที่มีคุณลักษณะด้านโครงสร้างค่อนข้างสมบูรณ์มีความต่อเนื่องอย่างสมเหตุสมผลและมีความลึกซึ้งทางด้านเนื้อหาสาระ ความจริงเพลงประเภท Art song นี้ มีการประพันธ์และขับร้องกันมาตั้งแต่สมัยกลาง (ประมาณ ค.ศ. 800) ซึ่งเป็นประเภทฆราวาสหรือเพลงนอกโบสถ์ และวิวัฒนาการมาในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือเรเนซอง สมัยบาโร้ค สมัยคลาสสิค และสมัยโรแมนติค ตามลำดับ สำหรับเพลง  Art song

สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

1.      เพลงอมตะ  รู้จักกันในนามเพลงคลาสสิค

2.      เพลงร่วมสมัย (Contemporary  Music) เป็นเพลงศิลปะยุคปัจจุบันนี้ซึ่งมีโครงสร้าง

ค่อนข้างสมบูรณ์คล้ายเพลงอมตะเพียงแต่แตกต่างกันทางยุคสมัยและพัฒนาการทางดนตรี โดยเฉพาะทางด้านรูปแบบ การประพันธ์ บันไดเสียง และเสียงประสาน

เพลงศิลปะ (Art song) คือเพลงที่มีคุณลักษณะด้านโครงสร้างค่อนข้างสมบูรณ์มีความต่อเนื่องอย่างสม เหตุสมผลและมีความลึกซึ้งทางด้านเนื้อหาสาระ แบ่งเป็น
1. เพลงอมตะ รู้จักกันในนามเพลงคลาสสิค
2. เพลงร่วมสมัย (Contemporary Music)เป็นเพลงศิลปะยุคปัจจุบันซึ่งมีโครงสร้างค่อนข้างสมบูรณ์คล้าย เพลงอมตะเพียงแต่แตกต่างกันทางยุคสมัยและพัฒนาการทางดนตรี โดนเฉพาะทางด้านรูปแบบ การประพันธ์ บันไดเสียง และ เสียงประสาน
(ข้อมูล จากหนังสือ สานฝันด้วยเสียงเพลงของครูดุษฎี)

เพลงร้องอมตะหรือเพลงร้องศิลป์ (Art Song)

เพลง ร้องอมตะหรือเพลงร้องศิลป์ (Art Song) คือเพลงร้องแบบหนึ่งซึ่งมักใช้ภาษาเยอรมันเพลงแบบนี้ คือ ลีเดอร์ (Lieder) ประพันธ์โดยอัฉริยะชาวเยอรมัน เช่น ฟรานซ์ ชูเบิร์ต (Franz Schubert) , โรเบิร์ต ชูมันน์ (Robert Schumann) , โยฮันเนส บรามส์ (Johannes Brahms) , ริคาร์ด ชเตราส์ (Richard Strauss) จึงเป็นภาษาเยอรมัน ดั้งเดิมนั้นนิยมร้องหรือเล่นกันในห้องโถงเล็กๆ เป็นเพลงที่ไพเราะน่าฟัง เกิดขึ้นและเป็นที่นิยมกันในสมัยโรแมนติก ในศตวรรษที่ 18 ยังนิยมร้องและเล่นกันมาจนปัจจุบันนี้

เพลง Lieder ภาษาอังกฤษแปลว่า Art Song ต่อมาได้ใส่คำร้องเป็นภาษาอื่นๆ ด้วย เพลงประเภทนี้จะประกอบด้วยนักร้องหนึ่งหรือสองคน โดยมีเปียโนเล่นคลอ เพลง Lieder นี้ ผู้ร้องและผู้เล่นเปียโนคลอ ถือว่ามีความสำคัญเท่าเทียมกัน ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง วิธีการร้อง วิธีการเล่นเปียโนคลอ จะต้องมีความผสมผสานกลมกลืน สอดใส่ทั้งความไพเราะ อารมณ์ ต้องใช้เทคนิคต่างๆ ที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจอย่างยิ่ง นักเปียโนไม่เพียงแต่คอยช่วยเหลือนักร้องและผู้เล่นอื่นๆ เท่านั้น แต่ต้องมีไหวพริบด้วย ในกรณีที่นักร้องร้องผิดหรือข้ามจะหวะไปบ้าง นักเปียโนจะช่วยกลบเกลื่อนให้การบรรเลงนั้นดำเนินไปเป็นปกติที่สุด ถ้าผู้เล่นเปียโนเกิดความลังเลไม่แน่ใจก็อาจทำให้การแสดงนั้นล้มเหลวได้

เพลง ประเภทมีการดัดแปลง อย่างเช่นเพลงที่แต่งไว้สำหรับวงดนตรีใหญ่ทั้งวงเพื่อคลอเครื่องดนตรีที่ เล่นเดี่ยวนั้น ผู้เล่นเปียโนคลอในเพลงประเภทนี้ต้องมีความสามารถมาก เนื่องจากต้องพยายามเลียนแบบการเล่นทั้งวงมารวมไว้ในวิธีการเล่นเพียงอย่าง เดียว นักเปียโนจะต้องมีความสามารถในการปรับระดับเสียงดังค่อยให้เหมาะสม มีความว่องไว พยายามศึกษาถึงจุดประสงค์สำคัญของผู้ประพันธ์ซึ่งประพันธ์ไว้สำหรับบรรเลง ทั้งวง ดังนั้น นักเปียโนที่เล่นคลอจึงจะต้องจดจำข้อปลีกย่อย และต้องเล่นให้ดีที่สุด โดยคิดไปด้วยว่า ผู้เดี่ยวกำลังเล่นอะไรต้องบังคับตัวเอง เพื่อที่จะทำให้เกิดความใกล้ชิดกับฝ่ายนั้น ถ่ายทอดความรู้สึกของผู้เดี่ยวเข้ามาหาตัวผู้เล่นคลอให้มากที่สุด นักเปียโนที่ดีต้องมีความจำที่ดีมาก หรือสายตาว่องไวคือ เพียงชำเลืองดูโน้ตก็เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้หมด ดั้งนั้น ผู้ที่มีความสามารถจริงๆ ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอจริงๆ จึงมีความจำดี ซึ่งการเล่นโดยความจำจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน ท่วงที

Art Song หรือ German Lied นี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาด้านเพลงขนาดใหญ่ ในสมัยโรแมนติกตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 นอกจากนักประพันธ์เพลงร้องที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีนักแต่งเพลงท่านอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการแต่งเพลง Art Song เช่น Zumsteeg (1760-1802) , Zelter (1758-1832) และ Reichardt (1752-1814) ซึ่งถือว่าท่านทั้งสามก็สามารถสร้างผลงานที่ดีเยี่ยมไว้มากด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีนักแต่งเพลงท่านอื่นๆ ซึ่งเป็นชาวอิตาลี สวิส เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อังกฤษ และรัสเซีย เป็นต้น ที่แต่งเพลงซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ German Lied หรือ Art Song อีกด้วย

เกี่ยว กับเพลงร้องนี้ ถ้าผู้ฟังได้ให้ความสำคัญของคำร้องและดนตรีประกอบกันเข้าจะทำให้ผู้ฟังรับ อรรถรสที่ลึกซึ้งได้ยิ่งขึ้น เนื่องจากคำร้องที่มีทำนองและดนตรีที่ดีประกอบจะเป็นการเสริมความไพเราะ และให้ความหมายที่กินใจอย่างมาก ดั้งนั้น ถ้าหากผู้ฟังต้องการจะวิเคราะห์เพลงร้อง จึงควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ซึ่งเกี่ยวกับดนตรี ซึ่งนอกเหนือไปจากความหมายและความไพเราะของเนื้อร้อง คือ

1.ความไพเราะของเสียง (Tone)

2.โครงสร้างและการจัดสัดส่วนของเพลง (Shape)

3.จังหวะจะโคน (Rhythm)

4.อารมณ์และความรู้สึกที่แสดงออก (Emotion, Expression)

5.การเขียนเสียงประสาน ซึ่งมักเล่นด้วยเปียโน (Accompaniment) ซึ่งต้องมีความสมดุลและเหมาะสม และผู้เล่นต้องมีความสามารถดีด้วยชุดร้องเพลง(Song Cycle) หรือ ลีเดอร์ซือคลูส (Liedercyclus)

ชุดร้องเพลง(Song Cycle) หรือ ลีเดอร์ซือคลูส (Liedercyclus)

ชุด ร้องเพลง(Song Cycle) หรือ ลีเดอร์ซือคลูส (Liedercyclus) คือกลุ่มของเพลงร้องและประกอบดนตรีคลอ ต่อเนื่องหลายๆเพลง โดยมีความหมายของเนื้อเพลง เกี่ยวข้องหรือเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่ง Song Cycle ก็มีการประพันธ์ในแบบของ Art Song หรือ German Lied ด้วย เช่นบทประพันธ์ของฟรานซ์ ชูเบิร์ต (Franz Schubert) ชื่อเพลง”The Beautiful Maid of the Mill” (1823) โดย ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน(Ludwig van Beethoven) ชื่อเพลง “ To the distant Beloved”( 1816) “Winter Journey “ (1827) และ “ Swan Song” โดย โรเบิร์ต ชูมันน์ (Robert Schumann) ชื่อเพลง “A Poet’s Love 1844 , และ “Woman’s Love and Life”(1843)

สำหรับ โครงสร้างหรือรูปแบบการแต่งเพลงแบบ Song Cycle นี้ค่อนข้างจะเป็นรูปแบบอิสระที่เรียกว่า Through Composed โดยมากจะเป็นไปตามเนื้อร้อง (lyrics และ poem ) ซึ่งเนื้อร้องนี้อาจจะเป็นบทที่นักประพันธ์เพลงนำมาจากผู้แต่งเนื้อ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่ต่อเนื่องกัน หรือนำมาจากหลายบท แต่มีเนื้อร้องที่ให้อารมณ์ ความรู้สึกและความหมายคล้ายคลึงกันก็ได้ ผู้แต่งบทกลอนที่มีชื่อเสียง จนกระทั้งนักประพันธ์เพลงเกิดความประทับใจและนำมาแต่งทำนองประกอบเข้าไป ทำให้เกิดความประทับใจยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในสมัยโรแมนติก เช่น Scott,Goethe,Heine และ Loeweเป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผู้ประพันธ์อีกมากมายซึ่งผูอ่นควรศึกษาและค้นคว้าในโอกาสต่อไป

หมายเหตุ

ความ จริงเพลงประเภท Art Song นี้ มีการประพันธ์และขับร้องกันมาตั้งแต่สมัยกลาง(ประมาณ ค.ศ.800) ซึ่งเป็นประเภทฆราวาสหรือเพลงนอกโบสถ์ (secular) ตัวอย่างเช่น คอนดักตัส (conductur), กันโซนา (canzona) , และแมดริกัล (madrigal) และวิวัฒนาการมาในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือ เรอเนซอง สมัยบาโรก สมัยคลาสสิก และสมัยโรมันติก ดังกล่าวตามลำดับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น