นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน ที่มีความสำคัญอย่างมากคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การดนตรี เขาเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 1653 ที่เมือง Nuremberg ประเทศเยอรมัน เข้าพิธีรับศีลเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1653 เริ่มเรียนดนตรีครั้งแรกกับ Schwemmer ต่อมาได้เรียนการประพันธ์เพลงกับ G. Wecker เขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย Altdorf พร้อม ๆ กับได้รับตำแหน่งนักออร์แกนประจำโบสถ์ San Lorenzo แต่เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ไม่อำนวย ทำให้เขาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน แต่ได้เข้าศึกษาต่อที่ Gymnasium Poeticum แห่งเมือง Regensburgo ศึกษาการประพันธ์เพลงกับ Kaspar Prentz
ในปี 1673 เขาได้เดินทางไปยังกรุงเวียนนา ซึ่งทางโบสถ์ San Esteban ได้เสนอตำแหน่งนักออร์แกนประจำโบสถ์ให้แก่เขา อีก 4 ปีต่อมาเขาได้รับตำแหน่งนักออร์แกนประจำราชสำนักของ Eisenach ในปี 1690 เขาได้เดินทางไปรับตำแหน่งนักออร์แกนประจำราชสำนักในสตุ๊ทการ์ท จนกระทั่งทหารของฝรั่งเศสได้บุกเข้ายึดเมือง
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา ทางเมือง Nuremberg ได้เสนอตำแหน่งนักออร์แกนประจำโบสถ์ San Sebaldo ให้แก่เขาในปี 1695 เขาเสียชีวิตลงที่เมืองนี้เอง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 1706 และทำพิธีฝังเมื่อวันที่ 9 มีนาคมปีเดียวกัน
ชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากและเต็มไปด้วยความเศร้า ในปี 1683 ภรรยาคนแรกของเขาเสียชีวิตพร้อมกับลูกในท้อง เขาต้องหนีภัยจากการรุกรานของทหารฝรั่งเศสที่เข้ายึดเมืองสตุ๊ทการ์ทเมื่อปี 1692 ต่อมาเขาได้อพยพมาตั้งรกรากอยู่ที่เมือง Nuremberg และได้แต่งงานเป็นครั้งที่ 2 มีบุตรทั้งสิ้น 7 คน บุตรของเขา 2 คนเป็นนักดนตรีเช่นเดียวกัน บุตรของเขาคนหนึ่งได้เป็นช่างทำเครื่องดนตรีและอีกคนหนึ่งเป็นจิตรกร เขาเป็นนักออร์แกนฝีมือดีและยังเป็นหัวหน้าคณะประสานเสียงอีกด้วย นอกจากนั้นเขายังเป็นนักประพันธ์เพลงสำหรับออร์แกนที่มีผลงานมากมาย รวมทั้งงานเพลงสำหรับฮาร์พสิคอร์ด เพลงร้อง (Arias) แชมเบอร์มิวสิค เพลงสวดในโบสถ์และ Choral motet, Suite chorale variations และ Chorale cantata ผลงานของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อ Johann Sebastian Bach ในวัยหนุ่ม
ในช่วงที่เป็นนักออร์แกนในโบสถ์แห่งหนึ่งในเมือง Erfurt เขามีโอกาสได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับบิดาของ Bach (Johann Ambrosius) และยังเป็นพ่อทูนหัวของพี่สาวคนหนึ่งของ Bach อีกด้วย นอกจากนั้นเขายังสอนดนตรีให้กับของพี่สาวอีกคนหนึ่งของ Bach รวมถึงสอนดนตรีให้กับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวนี้เช่นกัน เขามีส่วนสำคัญในการพัฒนาสไตล์การเล่นคีย์บอร์ดที่เยี่ยมยอดแบบออสเตรียและการร้องเพลงสวดแบบโปรเตสแตนท์ โรมันคาทอลิคทางตอนใต้ และเพลงสวดทางตอนเหนือของเยอรมันเข้าด้วยกัน
Kanon in D Major
Johann Pachebel เขียนเพลงนี้ขึ้นเมื่อประมาณปี 1680 และถือว่าเป็นเพลงที่มีผู้รู้จักมากที่สุดเพลงหนึ่งในโลก เริ่มต้นด้วยท่องทำนองเสียงเบสง่าย ๆ ที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา หรือเรียกว่า "Continuo” ในขณะที่เสียงไวโอลินเริ่มสอดประสานท่วงทำนองดังกล่าวในเสียงที่สูงกว่า Kanon in D Major เป็นบทเพลงที่คงความไพเราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ตาม ว่ากันว่าท่วงทำนองเพลงนี้เป็นเสมือนยาวิเศษ ที่ช่วยขจัดความตึงเครียดในชีวิตได้ดี
Kanon เป็นรูปแบบของการประพันธ์เพลงชนิดหนึ่ง สำหรับเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆและการร้องเพลง ในขณะที่บรรเลงหรือร้องในทำนองใดทำนองหนึ่งแต่คนละจังหวะ คือการเหลื่อมล้ำกัน รูปแบบ Kanon อย่างง่าย ๆ เรียกว่า Catches หรือ Rounds เช่นเพลง Three blind mice หรือ Row, row, row, your boat
คำว่า Kanon ในทางดนตรีหมายถึง "Rule” หรือ “Law” ในการประพันธ์เพลงในแบบ Canon นั้นค่อนข้างมีแบบแผนที่ซับซ้อนและเคร่งครัด
มีภาพยนตร์โฆษณามากมายที่นำเพลง Kanon in D Major ไปใช้ประกอบ รวมถึงภาพยนตร์จอเงินเช่น Father of the Bride และ Ordinary People ภาพยนตร์เกาหลีที่โด่งดังอย่าง The Classic ฯลฯ และในพิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น