วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

Orchestra Classic Period

วงออร์เคสตร้าในยุคคลาสสิค ได้กล่าวถึงเรื่องราวของลักษณะทางดนตรีหรือ Style ของดนตรีในยุคคลาสสิค คือระหว่างปี ค.ศ. 1750-1820 ไปแล้ว ต่อไปนี้จะกล่าวถึงลักษณะของวงดนตรีที่เรียกว่าวงออร์เคสตร้าในยุคนี้บ้าง พอเป็นที่เข้าใจกันได้ วงออร์เคสตร้าในสมัยบาโร้คนั้นมีรูปแบบไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงไปตามใจของคีตกวีว่าบทเพลงไหนจะใช้เครื่องดนตรีอะไรบ้าง แต่พอตกมาถึงยุคคลาสสิค จึงกลายเป็นวงดนตรีที่มีการจัดระบบระเบียบชัดเจนขึ้น คือวงออร์เคสตร้ายุคนี้จะประกอบด้วยเครื่องดนตรี 4 ประเภท ได้แก่ กลุ่มเครื่องสาย กลุ่มพวกปี่และขลุ่ย กลุ่มพวกแตรต่างๆ และกลุ่มเครื่องเคาะเครื่องตี ซึ่งนิยมกำหนดเครื่องดนตรีไว้ดดยประมาณดังนี้ เครื่องสาย (String) ได้แก่ ไวโอลิน 1 และ 2 วิโอล่า เชลโล และดับเบิ้ลเบสส์ ปี่และขลุ่ย (Wood wind) ได้แก่ ฟลุท 2 โอโม 2 คลาวิเนต 2 และบาสซูน 2 แตร (Brass) ได้แก่ เฟรนซ์ฮอร์น 2 และทรัมเปต 2 (ทรอมโบนใช้ใน opera และเพลงศาสนา) เครื่องตี (Percussion) ใช้กลอง Timpani เป็นหลัก มีข้อสังเกตว่า กลุ่มเครื่องสายนั้นใช้เป็นหลักของวง พวกปี่-ขลุ่ยและแตรใช้เป็นคู่ๆ คือ อย่างละ 2 คัน คลาริเนตนั้นเพิ่มเข้ามาจากที่ไม่เคยใช้มาก่อน ส่วนทรอมโบนจะใช้เฉพาะในอุปรากรและบทเพลงทางศาสนาดังที่ Haydn และ Mozart ใช้ในคีตนิพนธ์ของท่าน อนึ่งจำนวนนักดนตรีในวงก็เพิ่มขึ้นจากยุคบาโร้ค แต่อาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามกาละเทศะ เช่น Haydn ตามปกติจะใช้วงขนาด 25 คน แต่พอไปบรรเลงที่ London ในปี 1795 จะเพิ่มจำนวน เป็น 60 ตน คีตกวีในยุคคลาสสิคนิยมแต่งเพลงแสดงให้เห็นความโดดเด่นของสีสันหรือสุ้มเสียงที่มีลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดจึงไม่มีการใช้เครื่องดนตรี 2 ชิ้น เล่นทำนองเดียวกันทั้งท่อนอย่างที่เป็นในยุคบาโร้ค แต่มักจะผลัดกันแสดงความโดดเด่นโดยกำหนดให้เครื่องดนตรีบรรเลงในแนวทำนองที่ต่างกัน และเปลี่ยนบ่อยๆ ทำนองหลักอาจจะเริ่มด้วยวงออร์เคสตร้า จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเครื่องสายและตามด้วยปี่-ขลุ่ย เป็นต้น เครื่องดนตรีแต่ละกลุ่มจะมีบทบาทหน้าที่ของตนโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสาย ได้แก่ ไวโอลิน วิโอล่า เชลโล และเบส ทำหน้าที่หลักโดยเป็นกระดูกสันหลังของวงออร์เคสตร้า โดยใช้ไวโอลิน 1 บรรเลงทำนองสำคัญ เครื่องสายเสียงต่ำบรรเลงแนวประสานเสียเป็นส่วนมาก ปี่-ขลุ่ย จะบรรเลงในแนวทำนองที่ตัดกันกับกลุ่มเครื่องสายและบรรเลงเดี่ยวบางทำนองเป็นครั้งคราว ส่วนออร์แกนและทรัมเป็ตจะสร้างความรู้สึกในพละกำลัง ในช่วงที่ต้องการเสียงดังหนักแน่นเพิ่อจะเพิ่มเติมแนวประสาน แต่ไม่ค่อยใช้บรรเลงทำนองหลัก และกลองทิมปานี่จะตีเฉพาะในช่วงที่เน้นจังหวะจะโคน และแสดงถึงจุดสำคัญของบทเพลง เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ววงออร์เคสตร้าสมัยคลาสสิคแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น ความแปรผันตามความต้องการในการแสดงอารมณ์ สีสัน และความมีลักษณะพิเศษของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ซึ่งคีตกวีสามารถจะเลือกใช้ได้ตามใจ เพื่อให้บทเพลงของตนมีสีสัน ได้อารมณ์และความรู้สึกอย่างที่ผู้แต่งต้องการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น