วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564

ดนตรีในยุตโรแมนติก ep03

 


4.       ด้านศิลปะหรือเรียกว่า สมัยศิลปะจินตนิยม (Romanticism) ใน ค.ศ. 1800-1900 

 

แนวคิดเกี่ยวกับศิลปะสมัยโรแมนติก

 

-  เริ่มในอังกฤษและฝรั่งเศส ที่มีทรรศนะคติที่ต้องการความเป็นอิสระในการแสดงออกที่ศิลปินต้องการมากกว่าการเดินตามกฎเกณฑ์และแบบแผนทางศิลปะ ดังที่ศิลปินลัทธิคลาสสิกใหม่ยังยึดถืออยู่

- เป็นศิลปะที่เน้นอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มุ่งสร้างสรรค์งานที่ตื่นเต้น เร้าใจ ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้ชม

-  ลักษณะแนวความคิดของศิลปะโรแมนติกนั้นต่างจากพวกคลาสสิกกันคนละขั้ว เพราะโรแมนติกยึดมั่นในเรื่องของจิตใจ ถือว่าจิตเป็นตัวกำเนิดของตัณหา อารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งเป็นความจริงของมนุษย์มากกว่าการยึดมั่นในเหตุผลตามแนวคิดของคลาสสิก พวกศิลปินเชื่อว่า ศิลปะสร้างสรรค์ตัวของมันเองได้ และต้องมีคุณค่าทางอารมณ์มากกว่า

-  ศิลปะต้องสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างผู้เสพและผู้สร้าง มุ่งสร้างศิลปะเพื่อให้กลมกลืนกับชีวิต มุ่งที่ความ กลายเป็น ตัดกับความเป็นอยู่งานทางด้านจิตรกรรมจะแสดงความตัดกันของน้ำหนักแสงและเงา ใช้สีที่ตัดกัน จิตรกรที่สำคัญ ได้แก่ Theodore Gericault, Eugene Deracroix ในงานจิตรกรรมนี้เป็นช่วงเวลาระหว่างค.ศ.1820-1850

-    ศิลปะมักเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลมกลืนกับสภาพชีวิต

-  ในแต่ละยุคสมัย ศิลปะคลาสสิกและโรแมนติก  ยังคงยึดแนวของกรีกและโรมันอยู่ไม่น้อย ศิลปินรุ่นหลังเห็นว่า ศิลปะทั้งสองไม่ได้แสดงความกลมกลืนของชีวิต  ยังคงมีลักษณะความเป็นอุดมคติอยู่ซึ่งไม่ใช่ความจริง

ดังนั้นการสร้างงานในยุคต่อมา ซึ่งเราเรียกกันว่าเรียลลิสม์นั้น จึงสร้างงานตามสภาพความเป็นจริง ศิลปินเชื่อว่าความงามอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะในที่เลิศหรูเช่นพระราชวัง หรือที่เรียบง่ายตามชนบทก็ตาม อีกทั้งยังเชื่อกันว่าศิลปะนั้นสอนกันไม่ได้ เพราะศิลปะเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่แต่ละคนมีความสามารถต่างกัน ศิลปะคือการเลียนแบบตามตาเห็น ศิลปินควรบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในยุคสมัยของตนเอาไว้ ไม่ใช่สร้างงานแบบโบราณนิยม (ถือว่าเป็นการปฏิเสธแนวคลาสสิกและโรแมนติกอย่างเห็นได้ชัด)

ศิลปินอย่างโกยา Francisco Goya อยู่ในช่วงรอยต่อของโรแมนติกและเรียลลิสม์ งานของเขาแสดงออกทั้งความเป็นจริงและแสดงออกถึงความสะเทือนอารมณ์ (โรแมนติก) ไปพร้อมๆกัน โกยาให้ทัศนคติไว้ว่า ในธรรมชาติไม่มีใครเห็นเส้น มีแต่รูปทรงที่สว่างและมืด ระนาบใกล้ ไกล กลวง และยื่นไปออกมา ทัศน์เช่นนี้จะปรากฏได้ชัดในงานยุคหลังถัดจากนี้ไป  เนื่องด้วยในช่วงเวลานี้ยุโรปได้ตกอยู่ในสภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจและสังคมชนชั้นแรงงานเพิ่มมากขึ้น ศิลปินจึงสะท้อนภาพความลำบากของชนชั้นเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม ศิลปินที่มีชื่อเสียงได้แก่ โดมิยร์, มิเลท์, กูร์เบท์

 ภาพการอับปางของแพเมดูซา “The Raft of the Medusa”

             โดย เทโอดอร์ เจริโกต์ (Theodore Gericault)

                                           ให้อารมณ์ความรู้สึกกับการเผชิญกับภัยบนแพ ทั้งอ่อนล้า อ้างว้าง หิว

                  ตื่นเต้น เชื่อว่าการมีชีวิตอยู่อย่างเต็มไปด้วยอันตราย หรือมีอะไรน่าหวาดเสียว หรือเหมือนบทละคร

 ภาพเสรีภาพนำประชาชน      Liberty Leading the People, July 28, 1830” ของ ยูจีน    เดอลาครัวซ์ (Eugine Delacroix) จิตรกรชาวฝรั่งเศส ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ปฏิวัติในฝรั่งเศส สามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้อย่างน่าตื่นเต้น จากเรื่องราว ท่าทาง การจัดภาพ แสงเงา และอารมณ์ทางใบหน้า และดวงตา

 


 

 

 

 

 

 

 




 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น