วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ลักษณะเด่นทางดนตรีในยุคโรแมนติก

ลักษณะเด่นทางดนตรีในยุคโรแมนติก

                  ความหมายของยุคโรแมนติกมาจากวรรณกรรมประเภทโรแมนซ์  เป็นวรรณกรรมซึ่งใช้ภาษาโรแมนซ์ซึ่งเป็นภาษาที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษาละติน โดยเนื้อเรื่องวรรณกรรมประเภทนี้จะเป็นเรื่องที่แต่งจากจินตนาการไม่ใช่เรื่องจริง  เป็นงานเขียนเชิง Subjetive  คือแต่งขึ้นจากมุมมองของผู้ประพันธ์มักจะเป็นเรื่องจากมุมมองของผู้ประพันธ์ มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรหรือดินแดนที่อยู่ห่างไกล โรแมนซ์มักจะเป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับวีรบุรูษผู้กล้า  การผจญภัยความรัก  หรืออิทธิ์ฤทธิ์เหนือธรรมชาติต่างๆ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ห่างไกลแปลกใหม่ อัศจรรย์
                 เป็นช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายทางการเมือง  สภาพสังคม  วิถีชีวิต
                 มีการปฏิวัติสำคัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 18  คือการปฏิวัติในฝรั่งเศสและ การปฏิวัติ  ในสหรัฐอเมริกา  ประชาชนลุกขึ้นล้มล้างระบอบสมบูรณายาสิทธิราช  แล้วแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งให้อำนาจประชาชนในการเลือกผู้นำของตนเอง  โดยอาศัยปรัชญาแนวคิดที่ว่าทุกคนควรจะมีความเท่าเทียมกัน  และทุกคนควรจะเติบโตจากตำแหน่งเล็กๆ  ไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าได้ด้วยความพยายามและความสามารถของคนโดยไม่คำนึงถึงชาติกำเนิดและชนชั้น
                 ในศตวรรษที่  19  การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญได้แก่การปฎิวัติอุตสาหกรรม เป็นช่วงเวลาที่เครื่องจักรกลเริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในสมันนั้นอย่างมาก   มีการจัดตั้งโรงงาน  มีการคิดค้นเครื่องจักรกลที่ประหยัดแรงงาน เช่นเครื่องปั่นฝ้าย  เครื่องผลิตเหล็ก  เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า เครื่องผลิตอาหารกระป๋อง  เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ  ได้ทำให้วิถีชีวิตของคนมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น       
                 คนมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น  การคมนาคมมีความสะดวกสบายมีการใช้เรือที่มีเครื่องจักรไอน้ำ  มีรถไฟ  การสื่อสารมีการใช้โทรเลข  มีโทรศัพท์  มีกล้องถ่ายรูป  การพัฒนาทางด้านการแพทย์ทำให้โรคภัยไข้เจ็บน้อยลง
                 เมื่อมีเครื่องจักรกลเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษยมากขึ้น  คนก็มีเวลาว่างมากขึ้น  คนจึงเรียนและเล่นดนตรี  ฟังคอนเสริต์  เมื่อคนเรียนและเล่นเครื่องดนตรีมากขึ้น  จึงทำให้มีธุรกิจที่เกี่ยวกับดนตรีเกิดขึ้นมากมาย  เช่น มีโรงเรียนดนตรีมากมายเกิดขึ้นในยุโรป  สหรัฐอเมริกา  มีการจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องดนตรี  มีการจัดตั้งสมาคมดนตรีหรือชมรมดนตรี  มีกิจการรับจัดคอนเสริต์  และมีการรับพิมพ์โน้ตดนตรี
                  ดนตรีแต่เดิมจะแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงของเจ้านายและชนชั้นสูง  หรือพิธีกรรมทางศาสนา  แต่ในสมันโรแมนติกเป็นการใช้เพื่อความบันเทิงของคนทั่วไปในสังคม  เป็นการใช้เครื่องดนตรีเพื่อการประกอบอาชีพ

               การแสดงคอนเสริต์ในสมัยก่อนมักจะถูกจัดขึ้นในวังหรือโบสถ์ขนาดใหญ่  แต่ในสมัยโรแมนติกมีการสร้างโรงแสดงคอนเสริต์ ( Concert Hall ) ขนาดใหญ่มากมายประกอบกับการคมนาคมการเดินทางที่สะดวกสบายขึ้นทำให้นักดนตรีสามารถเดินทางออกแสดงดนตรี  แสดงคอนเสริต์โดยไม่ต้องแสดงเฉพาะในวังหรือในโบสถ์เท่านั้น  มีหลายครั้งที่นักประพันธ์เป็นผู้จัดคอนเสริต์เองเพื่อให้เป็นที่รู้จักและเป็นแหล่งที่มาของรายได้
               อุดมคติและเป้าหมายของศิลปะในยุคโรแมนติก  คนในยุคโรแมนติกคิดว่าถ้าต้องการค้นหาความหมายของชีวิตต้องมองเข้าไปภายในจิตใจของตนเอง  ศิลปินและคนในสมัยนั้นมีความเห็นว่าเป้าหมายของศิลปะไม่ใช่เพื่อรับใช้ หรือสร้างวความบันเทิงให้กับเจ้านาย  ศิลปินในแต่ละคนควรจะมีอิสระที่จะถ่ายทอดความรู้สึกส่วนตัวผ่านงานศิลปะ  ศิลปินควรจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง งดงาม  ความเชื่อและความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวผ่านงานศิลปะของตน  และมีความเชื่อว่ากวี และศิลปินเป็นวีรบุรุษ ( Hero )  และสามารถช่วยเหลือสังคม โดยการช่วยให้สังคมค้นพบคุณค่าที่สูงส่งและช่วยยกระดับจิตใจของมนุษยได้  คนในยุคโรแมนติกเชื่อว่าเราจะเข้าใจโลกได้ดีที่สุดโดยใช้อารมณ์  ความรู้สึก  ไม่ใช่ปัญญาและเหตุผล  คนคิดว่าจินตานาการและความคิดสร้างสรรค์ควรจะถูกนะมาใช้เพื่อสัมผัสใจ  สร้างความประทับใจให้คนดู  เพราะฉนั้นจึงมีความคล้ายคลึงกันระหง่างปรัชญาบาโรคกับ โรแมนติก  ( คลาสสิกความคิดเรียบง่ายสมดุล  ความรู้เป็นเหตเป็นผล  ศิลปะย้อนกลับไปหากรีกโรมันโบราณ )  
                 เบโธเฟ่นเป็นศิลปิน 2 ยุค มีชีวิตช่วงปลายคลาสสิกเพลงที่แต่งนำเราเข้าสู่ยุคโรแมนติก  ชีวิตทุกข์ทรมาน  แสวงหาการยอมรับในสังคม  ต้องการยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้านายได้โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนรับใช้เป็นนักประพันธ์อิสระไม่มีรายได้ประจำ  ซึ่งยังมาหูหนวกทำให้ต้องเลิกอาชีพนักดนตรี  และประพันธ์เพลงเพียงอย่างเดียว  เขาถอนตัวจากสังคมไปอยู่โดดเดี่ยว  เบโธเฟ่นมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะด้านดนตรีและ เพื่อคุณค่าของดนตรีที่มีต่อมนุษยชาติ
                 เปียโนเป็นสัญลักษณ์ทางดนตรีในยุคโรแมนติก  เนื่องจากสะท้อนจิตวิญญาณความโรแมนติก  มีความเป็นเอกเทศเราสามารถบรรเลงเพียงชั้นเดียวได้โดยไม่ต้องบรรเลงเป็นวงก็เป็นเพลงที่ไพเราะแล้ว  สะท้อนอิสรภาพ  เสรีภาพ มีRange เสียงและ  Dynamic  ที่กว้างตั้งแต่เสียงกระชับจนกระทั่งเสียงที่ทรงพลัง ทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้หลากหลาย  สามารถบรรเลงได้ทั้งที่บ้านและ Concert Hall  อีกทั้งการปฎิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดโรงงานมีการพัฒนาเครื่องจักรกล และกระบวนการผลิตทำให้คนจำนวนมากเป็นเจ้าของเปียโนได้
                 มีการใช้ Keyboard effect  แบบใหม่  Crescendo  @ Diminuendo  Sforzando  Tremolo Glissando  ที่นักประพันธ์คิดขึ้น  เพื่อให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเพลงได้มากขึ้นทำให้มีพัฒนาคุณภาพของเครื่องดนตรีมากขึ้นอีกด้วย  เนื่องจากเปียโนในช่วงศตววษที่ 19  ไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับการบรรเลงที่ทรงพลังของยุคโรแมนติก  “ Pageta mer”  เดิม5 ½  Octave  โครงไม้  ความตึงของสาย 2 ต้น  ก่อนหุ้มด้วยหนัง  เปียโนมีการพัฒนามากขึ้นในช่วงปี 1820 -  1870  ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยี่ในช่วงปฎิวัติอุตสาหกรรม  มีการเสริมเหล็กเข้าไปในในโครงไม้และพัฒนาเป็รโครงเหล็กในช่วงต่อมาเพื่อที่จะให้สามารถใช้สายที่ใหญ่ขึ้นและขึงให้ตรึงได้มากขึ้น่   มีค้อนขนาดใหญ่และหนักมากขึ้นทำให้เสียงเปียโนเต็มและมีพลังมากขึ้น 71/4Octave  โครงเหล็กสายหนา Tension  30 ตันหุ้มค้อนด้วยสักหลากขนแกะ
                 สำหรับนักประพันธ์โรแมนติกแล้วแรงบันดาลใจมีความสำคัญ  นักประพันธ์จำนวนมากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรรกรรมหรืองานเขียนต่างๆ ดนตรีโรแมนติกส่วนใหญ่จึงทำหน้าที่เหมือนดนตรีเล่าเรื่อง Sohumann List
                 นักประพันธ์และผู้คนในยุคโรแมนติกมีความชื่นชมดื่มด่ำกับธรรมชาติมากๆ เมื่อมองธรรมชาติจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย เช่น  ป่าเขา- สวย  ภัยธรรมชาติ- ความอ่อนแอ  สิ้นหวัง  นักประพันธ์มองธรรมชาติว่าเป็นโลกที่มนุษยยังไม่ได้เข้าไปทำให้มีมลทิน  ธรรมชาติเป็นสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์  นักประพันธ์จำนวนมากที่แต่งเพลงโดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
                 นักประพันธ์สนใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าโครงสร้าง  จึงลดความสนใจ Sonata Form  แต่นักประพันธ์ให้ความสนใจในการแต่ง Character Piece เป็นเพลงสั้นๆจบในตัวถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในเพลงนั้น  ส่วนมากเป็น Ternary Form มีชื่อเพลงที่ทำให้มองเห็นภาพ  เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ผ่านมาชั่ววูบแล้วเล่าเป็นเพลง P. 94 ล้อเลียนการแต่งเพลงของChopin
-          เพลงโรแมนติกส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากFolk Music เพลงพื้นเมือง
-          ดนตรีคตินิยมปลายทศวรรษที่ 19 ภาคภูมิใจในความเป็นคนชาตินั้นๆส่งถึงความเป็นชาติ
-          Exoticism  สนใจวัฒนธรรมหลากหลาย  ดนตรีตะวันออกและแดนไกล เพลงเพื่อบรรยายดินแดนที่อยู่ห่างไกล






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น