วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

บันทึกความทรงจำของพระเจนดุริยางค์(ปิติ วาทยะกร)


บันทึกความทรงจำของพระเจนดุริยางค์
( ปิติ วาทยะกร )

ชีวประวัติของข้าพเจ้า
        บิดาของข้าพเจ้าชื่อ Jacob Feit เป็นชาวอเมริกัน เชื่อชาติเยอรมัน มารดาของข้าพเจ้าเป็นไทย
บิดาเกิดเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๔ (ค.ศ. ๑๘๔๔) ที่เมือง Trier ( Treves ) ในประเทศเยอรมนี แต่ถายหลังสำเร็จการศึกษาเมื่ออายุประมาณ ๑๙ ปีแล้วครอบครัวได้อพยบจากประเทศเยอรมนีไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ในสหรัฐอเมริกา และในคราวสงครามกลางเมืองที่สหรัฐอเมริกา
Civil War 1860 – 1864 สมัยที่ Abraham Lincoln เป็นประธานาธิบดีนั้นก็ได้เข้ารับราชการทหารฝ่ายเหนือในกองทัพสหรัฐอเมริกาผ่านศึกกลางเมืองด้วย
        ในราวปี พ.ศ. ๒๔๑๐ (ค.ศ. ๑๘๖๗) เมื่อสิ้นสงครามแล้วท่านได้เข้ามายังประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่งตามวิสัยชายหนุ่ม เมื่อได้มาพักในกรุงเทพฯชั่วเวลาหนึ่งแล้วท่านก็ได้รับคำเชื้อเชิญจากกงสุลอเมริกา (หมอจุนดเล S. Chandler) โดยกระแสรับสั่งให้เข้ารับราชการเป็นครูแตรวงในพระราชสำนักของสมเด็จพระยัณฑูรกรมพระราชวังบวรมหาวิชัยชาญ (วังหน้า) เมื่อสิ้นสมัยดังกล่าวนี้แล้วได้ถูกย้ายมาประจำเป็นครุแตรวงทหารบกในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตลอดจนมาถึงวันที่ท่านถึงแก่มรรณะกรรมลง คือเมื่อวันที่  ๑ พฤษจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ (ค.ศ. ๑๙๐๙) รวมอายุได้ ๖๕ ปีเศษ ซึ่งในเวลานั้นสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพบก
        มารดาของข้าพเจ้าชื่อ ทองอยู่ วาทยะกร เกิดในปี พ.ศ. ๒๔๐๑ และถึงแก่กรรมเมื่อ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ รวมอายุได้ ๙๓ ปี (เป็นธิดานายปุ๊, นางเม้า เชื้อชาติรามัญบังคับไทย)
        ข้าพเจ้าเกิดเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ (ค.ศ. ๑๘๘๓) ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม เวลาย่ำรุ่ง ที่บ้านญาติของมารดาตำบลบ้านทวาย ใกล้หัวถนนเวลานี้ เมื่อข้าพเจ้ามารดาได้พามารวมอยู่กับบิดาที่แพ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งเหนือปากคลองหลอด
        ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ (ค.ศ. ๑๘๙๐) ข้าพเจ้ารับการศึกษาวิชาสามัญที่โรวเรียนอัสสัมชัญ (Assumption College) ในชั้นต้นเข้าเรียนภาษาฝรั่งเศสจนถึง พ.ศ. ๒๔๔๑ (ค.ศ. ๑๘๙๘)จบหลักสูตรในปีต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๒ (ค.ศ. ๑๘๙๙) ได้เข้าศึกษาภาษอังกฤษจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๔๓ (ค.ศ. ๑๙๐๐) รวมเวลาที่ข้าพเจ้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนแห่งนี้ได้ ๑๑ ปี บริบูรณ์
        ใน พ.ศ. ๒๔๔๔ (ค.ศ. ๑๙๐๓) ข้าพเจ้าออกจากโรงเรียนอัสสัมชัญโดยมีหนังสือรับรองของท่านอธิการบดีโรวเรยีนนี้นำฝากเพื่อเข้ารับราชการในกรมรถไฟหลวง แผนกกองเดินรถ (Traffic Department) และต่อมาในวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ (ค.ศ. ๑๙๑๓) รวมเวลารับราชการในกรทนี้ได้ ๑๔ ปั กับ ๘ เดือน
        ต่อจากนั้นเป็นสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณษโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายข้าพเจ้าจากกรมรถไฟหลวงมารับราชการในกรมมหรศพ ในวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๐ (ค.ศ. ๑๙๑๗) ประจำตำแหน่งเป็นผู้ช่วยปลัดกรม กองเครื่องสายฝรั่งหลวง มีหน้าที่ฝึกฝนอบรมนักดนตรี ทางการปฏิบัติเครื่องดนตรีสำหรับวงดนตรีฝรั่งหลวงแห่งพระราชสำนัก ต่อจากนั้นมาอีกประมาณ ๑ เดือนเศษ ข้าพเจ้าก็ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น หลวงเจนดุริยางค์ ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๐
(ค.ศ. ๑๙๑๗)
        วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓ (ค.ศ. ๑๙๒๐) ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นปลักกรม กองดนตรีฝรั่งหลวงและในวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๕ (ค.ศ. ๑๙๒๒) ก็ได้รับพระราชทานสัญญษบัตรเป็น พระเจรดุริยางค์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น