วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

อยากเก่งดนตรี ต้องฝึกซ้อมดนตรี


                            ปัจจัยที่มีผลต่อการฝึกซ้อมของนักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกดนตรี  โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ( ฝ่ายมัธยม )
        The influential factors toward the rehearsal of student wit music option from
satit prasarnmit demonstration school ( secondary )
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.                           เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรีของนักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกทางดนตรี ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ประสานมิตร ( ฝ่ายมัธยม )
2.                           เพื่อศึกษาถึงสาเหตุในการไม่ซ้อมดนตรีของนักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกทางดนตรี ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ประสานมิตร ( ฝ่ายมัธยม )

ทีมาของงานวิจัย
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 มุ่งพัฒนาให้นักเรียนเป็นผู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์ปฏิบัติได้  ใฝ่รู้  ใฝ่เรียน  รู้จักท้องถิ่นของตนและเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ  เพราะการศึกษาที่มีคุณภาพสามารถสร้างคนให้มีคุณภาพ  คือ  คิดเป็น  (คิดริเริ่ม  คิดสร้างสรรค์  คิดเชิงวิเคราะห์  วิจัย)  และเรียนอย่างมีความสุข  กระบวนการปฏิรูปการศึกษาจึงต้องสามารถสร้างนักคิดในสังคม  คือ  คนที่คิดได้  คิดเป็น  ประยุกต์เป็น  สามารถคิดทันในประเด็นใหม่ ๆ แข่งขันได้  และเลือกรับสิ่งที่ดีที่สุดโดยใช้ยุทธศาสตร์อื่น ๆ เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาเป็นรูปธรรม (เกรียงศักดิ์  เจริญวงศ์ศักดิ์. 2546: 6)
ดนตรีเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา  และมีความสำพันธ์ทางจิตใจกับมนุษย์มาช้านานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์  ดนตรีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสบายอกสบายใจ  ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา  หรือประกอบการร่ายรำ  ( หรรษา  นิลวิเชียร 2535:195 )  ดนตรีเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจร่าเริงแจ่มใส  ที่ใดมีเสียงดนตรีที่นั่นจะเต็มไปด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ  ปราศจากความสับสนวุ่นวาย  มนุษย์เรามีความเฉลียวฉลาด  สามารถประดิษฐ์เสียงต่างๆ  อันได้แก่  เสียงสูงเสียงต่ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทั้งหลายให้เป็นเสียงดนตรี  โดยนำมาเรียบเรียงด้วยความปราณีตบรรจง  เกิดเสียงอันไพเราะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก  ดนตรีมีบทบาทสำคัญต่อวงสังคมของมนุษย์โดยทั่วไปไม่ว่าชาติใดภาษาใด  ดนตรีไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ  ดังรั้นเพลงของชาติใดๆก็ตาม  ถือว่าเป็นมรดกของโลก  ยิ่งทุกวันนี้มีการสื่อสารคมนาคมติดต่อกันได้สะดวกรวดเร็ว  การดนตรีจึงขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก  และมีการเปลี่ยนแปลงกันไปเรื่อยๆ  จึงกล่าวได้ว่า  ดนตรีเป็นภาษาของมนุษยชาติ  ( วิรัช  ซุยสูงเนิน 2520 : 1 )
 ในเมื่อดนตรีมีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทุกเพศทุกวัย ดนตรีจึงมีความจำเป็นต่อการศึกษา  แต่เดิมความเชื่อเดิมของสังคมไทย  ดนตรีเป็นวิชาเต้นกินรำกินข้างถนน  พ่อแม่ไม่ใคร่สนับสนุนให้ลูกเรียน  แต่มาในปัจจุบันปรัชญาดนตรีศึกษาเริ่มได้เปลี่ยนไป  ผู้ปกครองเริ่มให้ความสนใจในการส่งลูกหลานเรียนดนตรีกันมากขึ้น  เพราะเชื่อว่าดนตรีเป็รส่วนหนึ่งของชีวิตดนตรีช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านต่างๆของผู้เรียนให้สมบูรณ์  ( สุกรี  เจริญสุข 2532 : 7 )
 การเรียนดนตรีให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องประกอบด้วยปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ  ปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งคือการฝึกซ้อม  จากประสบกราณ์ของผู้วิจัยในฐานะครูสอนวิชาดนตรีพบว่า  ปัญหาหลักอย่างหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนปฏิบัติเครื่องดนตรีคือปัญหาการฝึกซ้อมของนักเรียน  ดนตรีเป็นวิชาที่ว่าด้วยการปฎิบัติทักษะ  ดังนั้นการฝึกซ้อมจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนดนตรี  ผู้วิจัยจึงประสงค์ที่จะศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรีของนักเรียนเพื่อนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอน  ตลอดจนสร้างความเข้าใจกับนักเรียนและผู้ปกครอง  เพื่อให้การเรียนการสอนดนตรีประสบความสำเร็จต่อไป


การดำเนินงาน และผลงานที่ได้รับจากงานวิจัย (โดยสังเขป ) พร้อมภาพประกอบ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ( Survey Research ) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรีของนักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกดนตรีและทักษะดนตรี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม )  ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามลำดับดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร ได้แก่ นักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกดนตรีและทักษะดนตรีสากลจำนวน 211 คน           
กลุ่มตัวอย่าง  การเลือกกลุ่มตัวอย่างในการทำวิจัยครั้งนี้ ได้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างจากนักเรียนที่เรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกและทักษะดนตรี  จำนวน 211 คน            คำนวณหากลุ่มตัวอย่างประชากรจากนักเรียนที่เป็นประชากรทั้งหมด 211 คน โดยใช้ตารางสำหรับพิจารณาขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามทรรศนะของเคร็คกี  และมอร์แกน
การเลือกกลุ่มประชากรเพื่อทำการสัมภาษณ์ใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย ( Simple Random Sampling )  จำนวน 211 คน
 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ เป็นข้อคำถามเพื่อการสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นเอง โดยข้อคำถามจะเบ่งได้เป็น 3 ตอน ได้แก่
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ได้รับการสัมภาษณ์  ประกอบด้วย เพศ อายุ ระยะเวลาในการเรียนดนตรี ความสามารถทางดนตรีของผู้ปกครอง สาเหตุที่เลือกเรียนดนตรี
ตอนที่ 2 ข้อมูลการฝึกซ้อมของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ประกอบด้วย เครื่องดนตรีที่ใช้ในการฝึกซ้อม ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกซ้อมต่อครั้ง ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกซ้อมใน 1 สัปดาห์ วันที่นักเรียนทำการฝึกซ้อม สิ่งที่นักเรียนฝึกซ้อม การจัดเวลาในการซ้อมดนตรี การไม่ฝึกซ้อมดนตรี และเหตุผลในการไม่ฝึกซ้อมดนตรี
ตอนที่ 3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรี ประกอบด้วย ผู้ปกครอง นักเรียน ครู เพื่อน บทเพลง เครื่องดนตรีและบรรยากาศในการฝึกซ้อม กิจกรรมส่งเสริมการแสดงออก และปัจจัยที่นักเรียนคิดว่าส่งผลต่อการฝึกซ้อมมากที่สุด และปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมน้อยที่สุด

 การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
     1.  ศึกษาค้นคว้าเอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
      2.  สร้างข้อคำถามเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์
 การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยการสัมภาษณ์นักเรียนที่เรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกดนตรีและรายวิชาทักษะดนตรีโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ประสานมิตร (ฝายมัธยม )
 การจัดกระทำกับข้อมูล
-  ข้อมูลทั่วไปของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ ( Frequency ) หาค่าร้อยละ ( Percentage ) นำเสนอเป็นตารางประกอบคำบรรยาย
-  ข้อมูลการฝึกซ้อมดนตรีของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) หาค่าร้อยละ (Percentage) และค่ามัชฌิมเลขคณิต (Mean) นำเสนอเป็นตารางประกอบคำบรรยายและพรรณนา
-  ข้อมูลด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรีของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ ( Frequency ) หาค่าร้อยละ ( Percentage ) นำเสนอเป็นตารางประกอบคำบรรยาย



สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างมาวิเคราะห์ตามวิธีการทางสถิติดังนี้
1.ข้อมูลทั่วไปของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ ( Frequency ) หาค่าร้อยละ ( Percentage )
2. ข้อมูลการฝึกซ้อมดนตรีของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) หาค่าร้อยละ (Percentage) และค่ามัชฌิมเลขคณิต (Mean)
3.ข้อมูลด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกซ้อมดนตรีของผู้ได้รับการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) หาค่าร้อยละ (Percentage)
การนำผลวิจัยไปประยุกต์ใช้
            นำผลวิจัยการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการฝึกซ้อมของนักเรียนรายวิชาเพิ่มเติมเลือกดนตรี ไปใช้ในการเรียนการสอนแผนการเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาเอกดุริยางคศิลป์  โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม ) 
ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย
            การเก็บข้อมูลการวิจัยโดยการกรอกแบบสอบถามสัมภาษณ์นักเรียนจะรีบร้อนทำ และไม่กรอกข้อความให้ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจไม่ตั้งใจอ่าน หรือทำความเข้าใจในข้อความที่จะตอบสัมภาษณ์ในแบบสอบถาม  ทำให้ต้องเสียเวลาในการตามข้อมูลเป็นรายบุคคลอีกครั้งหนึ่ง
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะทั่วไป
1.         การกรอกข้อมูลแบบสอบถามสัมภาษณ์ควรให้ทำทีละคน  เป็นรายบุคคล
2.         การกรอกข้อมูลแบบสอบถามสัมภาษณ์บางข้อความ ควรตีความและทำความเข้าใจให้นักเรียน
งานวิจัยที่คาดว่าจะดำเนินการต่อไป
1.         ควรทำการศึกษาในเชิงลึก โดยศึกษาทีละปัจจัยเพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจน
2.         ควรทำการศึกษาโดยใช้ประชากรที่เฉพาะเครื่องดนตรีใดเครื่องดนตรีหนึ่งเพื่อศึกษาเปรียบเทียบ


 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น