๓๕
ปีของชีวิตในการดนตรี (พ.ศ. ๒๔๖๐ – ๒๔๙๕)
วงเครื่องสายฝรั่งหลวงของพระมงกุฏเกล้าฯ
ประวัติวงดุริยางค์ของกรมศิลปากร
กำเนิด
พ.ศ.
๒๔๕๕ ราว พ.ศ. ๒๔๕๕ (ค.ศ. ๑๙๑๒) สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
รัชกาลที่ ๖ ได้ทรงสถาปนาวงดนตรีขึ้นวงหนึ่งในพระราชสำนักของพระองค์ เรียกว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวง” สังกัดกรมมหรศพ ในการต่อมาได้เริ่มฝึกการปฏิบัติเครื่องดนตรีโดยอาศัยนักดนตรีของวงปี่พาทย์หลวง
ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของกรมมหรศพ
ในการที่อาศัยนักดนตรีของวงปี่พาทย์มาทำการฝึกหัดเครื่องดนตรีฝรั่งนี้
ทางการได้ใช้นักดนตรีที่มีความชำนาญในทางดนตรีไทยอยู่แล้ว
ให้มาฏิบัติทางดนตรีฝรั่งโดยมุ่งหวังจะให้ได้ผลรวดเร็วขึ้นเพราะอาจเข้าใจไปว่าเป็นการดนตรีเหมือนกัน
แต่ก็เป็นความเข้าใจที่จะสำเร็จไดยากดังจะเห๊นได้ในการต่อมาเมื่อดนตรีวงนี้ได้ตกมาอยู่ในความอำนวยการของข้าพเจ้า
การประสาสน์วิชาความรู้ให้แก่นักดนตรีในครั้งแรกนี้
ทราบมาว่ากรมมหรศพได้ว่าจ้างชาวต่างประเทศผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
มาเป็นครู
ท่านผู้นี้มีชื่อหรือเชื้อชาติอะไรหรือมีความรู้ในวิชาการดนตรีเพียงไรข้าพเจ้าไม้ทราบ
เพราะเวลานั้นข้าพเจ้ายังรับราชกาลอยู่ในกรมรถไฟหลวง ข้าพเจ้าทราบแต่เพียงว่าวิธีการสอนของเขานั้นต้องอาศัยล่ามเป็นผู้อธิบายความประสงค์อยู่เสมอ
เพราะท่านผู้นี้พูดภาษาไทยไม่ได้และนักดนตรีก็พูดภาษาฝรั่งไมได้ช่นกัน การสอนจึงดำเนินไปด้วยความขลุกขลักตลอดเวลา
ต่อมาครูผู้นี้พ.ศ. ๒๔๕๖ได้ลาออกไปในราวปี พ.ศ. ๒๔๕๖ (ค.ศ. ๑๙๑๓)
กองแตรวงกองทัพบกได้ว่าจ้างชาวอิตาเลียนผู้หนึ่งเข้ามารับราชการเป็นอาจารย์แตรวงแทนบิดาของข้าพเจ้าซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันที่
๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ (ค.ศ. ๑๙๐๙) อาจารย์ผู้นี้ข้าพเจ้ารู้จักดีและคุ้นเคยกันมาก
แม้ในเวลานั้นข้าพเจ้ายังรับราชการอยู่ในกรมรถไฟก็ตาม
ท่านผู้นี้มีนิสัยอ่อนโยน,อารีอารอบดี, มีวิชาความรู้สูง
มีความชำนาญและความสามารถยิ่งในการปรับปรุงบทเพลงให้วงแตร
เพราะเมื่อได้เข้ามารับหน้าที่ได้ไม่กี่ปีก็สามารถนำแตรวงของกองทัพบกออกแสดง Concert ด้วยบทเพลงในขั้นวิจิตรศิลปภายในบริเวณกระทรวงกลาโหมหลายครั้ง
เป็นที่พอใจของผู้ฟังซึ่งส่วนมากเป็นชาวต่างประเทศ
ส่วนวงเครื่องสายฝรั่งหลวงของกรมมหรศพนั้นเล่า ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ทางกรมมหรศพจึงได้ขอร้องให้อาจารย์ผู้นี้มาช่วยดำเนินการสอนและให้สั่งซื้อเครื่องดนตรีมาครบชุดเป็นวงดุริยางค์แบบมัธย
(Medium
Orchestra) ในเมื่อเครื่องดนตรีเหล่านี้ได้รับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาจารย์ผู้นี้ได้เริ่มทำการสอน แต่ก็ยังอาศัยนักดสตรีของวงปี่พาทย์เช่นเดิม
ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าทางการมิได้ดำริห์จะผลิตเด็กให้เป็นนักดนตรีใหม่
ถึงอย่างไรก็ตามอาจารย์ผู้นี้ได้ปรับปรุงกิจกรรมต่างๆด้วยความมานะและความพากเพียรอย่างยิ่งตลอดมา
และได้เรียบเรียงบทเพลงขึ้นให้เป็นพิเศษเพื่อให้นักดนตรีออกทำการบรรเลงเพลงเบ็ดเตล็ดเล็กๆน้อยๆได้บ้างพอสมควร
อาจารย์ผู้ที่เกี่ยวข้องนี้เป็นชาวอิตาเลียน มาครั้งแรกก็พูดภาษาไทยไม่ได้
ส่วนนักดนตรีที่อยู่ในการควบคุมของท่านก็พูดภาษาต่างประเทศไม่ได้
การสอนจึงดำเนินไปตามวิธีที่ต้องอาศัยล่ามคอยแปลความประสงค์ของผู้ประสาสน์วิชาอยู่เป็นเนืองนิจซึ่งทำให้ท่านผู้รับการสอนหนักใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าหากได้ล่ามที่ไร้ความรู้ในทางวิชาการดนตรี
ก็เห็นจะหมดหวังที่จะทำการสอนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแต่เคราะห์ดีที่ล่ามผู้นี้แม้จะเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยสามารถผูดภาษาฝรั่งเศสได้และมีความรู้ในทางวิชาการดนตรีอยู่บ้าง
เพราะเคยเป็นนักเรียนมาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ
พ.ศ.
๒๔๕๗ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ (ค.ศ. ๑๙๑๔)
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้ปะทุขึ้นในภาคพื้นยุโรป
อาจารย์ซึ่งเป็นชาวอิตาเลียนถูกเรียกระดม จำต้องสละหน้าที่กลับไปรับใช้ประเทศชาติของตน
ต่อมาวงดนตรีของวงมหรศพก็เกิด
พ.ศ.
๒๔๕๘ กระส่ำกระสายขึ้นเพราะขาดครูคงเหลืออยู่แต่ล่ามซึ่งต้องรับมอบหมายหน้าที่แทน
ท่านผู้นี้แม้รับราชการทหารอยู่ก็ตามได้พยายามประคับประคองวงดนตรีของกรมมหรศพเรื่อยๆ
แต่ก็มิได้กระทำให้ดนตรีวงนี้ดีขึ้นเลย เพราะต้องขวักไขว่งานทั้ง ๒ ทาง ดนตรีวงนี้จึงค่อยๆทรุดโทรมลงไปเป็นลำดับ
ถึงกลับตามที่ข้าพเจ้าได้ทราบมาในภายหลังว่าทางกรมมหรศพได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระกรุณาธิคุณให้ทรงพระบรมราชานุญาติเลิกล้มดนตรีวงนี้เสียและส่งเครื่องดนตรีต่างๆที่มีอยู่ไปให้แก่กองทัพบกใช้ราชการต่อไป
แต่พระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ ได้รับสั่งว่า
ยังทรงเสียดายในการยุบวงดนตรีวงนี้อยู่ เพราะได้ลงทุนในการสร้าง
พ.ศ.
๒๔๖๐ ถ้าหากหาครูในประเทศมาได้ก็ยังพอมีหวังกอบกู้ให้เจริญขึ้นมาได้โดยทรงพระราชดำริห์กล่าวขวัญถึงข้าพเจ้าว่า
หากได้บุตรชายของครูแตรฝรั่งคนเก่าของกองทัพบก ซึ่งรับราชการอยู่ในกรมรถไฟหลวงมาก็อาจแก้ไขดนตรีวงนี้ให้ดีขึ้นได้
เพราะครูแตรวงผู้นี้ท่นทรงรู้จักดีในขณะที่พระองค์ทรงดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกเมื่อครั้งทรงเป็นพระยุพราชเจ้าในรัชกาลที่
๕ การที่ได้ทรงพระราชดำริห์ดช่นนี้
ข้าพเจ้ารับทราบเรื่องราวนี้ก็โยที่ผู้ได้รับมอบหมายมาทาบทามข้าพเจ้าในเมื่อท่านผู้นี้ได้มาทาบทามข้าพเจ้าอยู่นั้นข้าพเจ้าลังเลใจอยู่ด้วยเหตุว่าได้รำลึกถึงคำกล่าวขวัญบิดาของข้าพเจ้ายึดถือและอาศัยวิชาการดนตรีซึ่งท่านได้ให้ไว้นั้นมาเป็นอาชีพเป็นอันขาด
ทั้งนี้ก็เพราะด้วยเหตุว่าได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารบกชั้นผู้ใหญ่ที่ได้มาเยี่ยมเยียนบิดาของข้าพเจ้าในระหว่างเวลาที่ท่านกำลังป่วยหนักและได้เคยทาบทามอยู่เนืองๆ
ร้องขอให้บิดาของข้าพเจ้ายิยอมอนุญาติให้ข้าพเจ้าได้ลาออกจากราชการกรมรถไฟหลวงมารับหน้าที่แทนบิดาข้าพเจ้าในหน้าที่ครูแตรวงกองทัพบก
แต่บิดาของข้าเจ้าได้ตอบปฎิเสธเขาไปทุกครั้ง
อันที่จริงในเรื่องของนักดนตรีและครูดนตรีในประเทศเรานี้
บิดาข้าพเจ้าได้ปรารถกับข้าพเจ้าอยู่เสมอๆว่า “…คนไทยเราไม่ใคร่สนใจในศิลปการดนตรีเท่าใดนัก
ชอบทำกันเล่นๆ สนุกๆ ไปชั่วคราวเท่านั้นแล้วก็ทอดทิ้งไป...”
ข้าพเจ้าจึงเกรงไปว่าหากข้าพเจ้ารับหน้าที่นี้แล้ว
ข้ะเจ้าไม้อาจประจำอยู่ได้นานไม่เหมือนการทำราชการอยู่ในกรมรถไฟหลวงที่แน่นอนกว่า
แต่ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าได้รับคำชี้แจ้งจากผู้มาทาบทามนั้นว่าเป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะให้ข้าพเจ้าย้ายมา
ข้ะเจ้าไม่มีหนทางจะปฎิเสธได้จึงจำใจต้องลาออกจากราชการกรมรถไฟหลวงเมื่อวันที่ ๓๑
สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ มารับราชการทางกรมมหรศพตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน
คือในวันรุ่งขึ้น
ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่
๑ได้สิ้นสุดลงแล้วอาจารย์ดนตรีชางอิตาเลียนของกองแตรวงกองทัพบกกลับเข้ามารับราชการตามเดิม
ในคราวที่กลับมาครั้งนี้ ราว พ.ศ. ๒๔๖๓ (ค.ศ. ๑๙๒๐)
ท่านได้เริ่มทำการปรับปรุงวงดุริยางค์ขึ้นวงหนึ่งที่กรมทหารม้า รัยกว่า “วงดุริยางค์ทหารม้ารวม” ท่านได้พยายามฝึกสอนนักดนตรีอย่างขมักเขม้นถึงกับได้นำวงดุริยางค์นี้ออกประกอบการแสดง
Opera ที่สวนมิสกวัน, Opera
ที่แสดงนี้คือเรื่อง “Cavalleria Rusticana” ของ Mascagni
ซึ่งเปิดการแสดงขึ้นโดยอาศัยตัวละครแต่ชาวต่างประเทศที่สมัครเล่นเข้ามาร่วมการแสดง
นับว่าเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทยที่มีการแสดง Opera
ขึ้นเป็นครั้งแรก
สำหรับวงดนตรีที่ใชประกอบการแสดงนั้นอาจารย์ชาวอิตาเลียนนี้ได้ใช้วงดุริยางค์ทการม้ารวมมาสมทบกันกับนักดนตรีของวงดนตรีฝรั่งหลวงกรมมหรสพ
ซึ่งยังแสดงผลให้เห็นได้ว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ มา
เมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาศเข้าควบคุมวงดนตรีฝรั่งหลวงเพียง ๓ หรือ ๓
ปีเท่านั้นก็สามารถผลิตนักดนตรีขึ้นมาได้ทันความต้องการของอาจารย์ผู้นี้
การฝึกซ้อม Opera เรื่องที่ได้กล่าวนั้นใช้เวลาทำการฝึกซ้อมประมาณเวลา
๑ ปี
พ.ศ.
๒๔๖๑ ส่วนบทเพลงที่ใช้ประกอบด้วย Opera นั้น อาจารย์ผู้นี้ได้เรียบเรียงขึ้นใหม่เป็นพิเศษเพื่อให้ปฏิบัติได้ง่ายๆเหมาะสมแก่นักดนตรีที่ยังมีฝีมืออ่อนอยู่
พ.ศ.
๒๔๖๓ และตัวละครที่มิได้เป็นตัวละครอาชีพ
ต่อมาอีกไม่นานอาจารย์ผู้นี้ได้ถึง
แก่กรรมไนกรุงเทพฯ