ลักษณะเด่นทางดนตรีในยุคโรแมนติก
ความหมายของยุคโรแมนติกมาจากวรรณกรรมประเภทโรแมนซ์ เป็นวรรณกรรมซึ่งใช้ภาษาโรแมนซ์ซึ่งเป็นภาษาที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษาละติน
โดยเนื้อเรื่องวรรณกรรมประเภทนี้จะเป็นเรื่องที่แต่งจากจินตนาการไม่ใช่เรื่องจริง เป็นงานเขียนเชิง Subjetive คือแต่งขึ้นจากมุมมองของผู้ประพันธ์มักจะเป็นเรื่องจากมุมมองของผู้ประพันธ์
มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรหรือดินแดนที่อยู่ห่างไกล
โรแมนซ์มักจะเป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับวีรบุรูษผู้กล้า การผจญภัยความรัก หรืออิทธิ์ฤทธิ์เหนือธรรมชาติต่างๆ
เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ห่างไกลแปลกใหม่ อัศจรรย์
เป็นช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายทางการเมือง สภาพสังคม
วิถีชีวิต
มีการปฏิวัติสำคัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 คือการปฏิวัติในฝรั่งเศสและ การปฏิวัติ ในสหรัฐอเมริกา
ประชาชนลุกขึ้นล้มล้างระบอบสมบูรณายาสิทธิราช
แล้วแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งให้อำนาจประชาชนในการเลือกผู้นำของตนเอง โดยอาศัยปรัชญาแนวคิดที่ว่าทุกคนควรจะมีความเท่าเทียมกัน และทุกคนควรจะเติบโตจากตำแหน่งเล็กๆ ไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าได้ด้วยความพยายามและความสามารถของคนโดยไม่คำนึงถึงชาติกำเนิดและชนชั้น
ในศตวรรษที่ 19 การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญได้แก่การปฎิวัติอุตสาหกรรม
เป็นช่วงเวลาที่เครื่องจักรกลเริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในสมันนั้นอย่างมาก มีการจัดตั้งโรงงาน มีการคิดค้นเครื่องจักรกลที่ประหยัดแรงงาน
เช่นเครื่องปั่นฝ้าย
เครื่องผลิตเหล็ก
เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า เครื่องผลิตอาหารกระป๋อง เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ
ได้ทำให้วิถีชีวิตของคนมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
คนมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น
การคมนาคมมีความสะดวกสบายมีการใช้เรือที่มีเครื่องจักรไอน้ำ มีรถไฟ
การสื่อสารมีการใช้โทรเลข
มีโทรศัพท์ มีกล้องถ่ายรูป
การพัฒนาทางด้านการแพทย์ทำให้โรคภัยไข้เจ็บน้อยลง
เมื่อมีเครื่องจักรกลเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษยมากขึ้น คนก็มีเวลาว่างมากขึ้น คนจึงเรียนและเล่นดนตรี ฟังคอนเสริต์
เมื่อคนเรียนและเล่นเครื่องดนตรีมากขึ้น
จึงทำให้มีธุรกิจที่เกี่ยวกับดนตรีเกิดขึ้นมากมาย เช่น
มีโรงเรียนดนตรีมากมายเกิดขึ้นในยุโรป
สหรัฐอเมริกา มีการจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องดนตรี มีการจัดตั้งสมาคมดนตรีหรือชมรมดนตรี มีกิจการรับจัดคอนเสริต์ และมีการรับพิมพ์โน้ตดนตรี
ดนตรีแต่เดิมจะแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงของเจ้านายและชนชั้นสูง หรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่ในสมันโรแมนติกเป็นการใช้เพื่อความบันเทิงของคนทั่วไปในสังคม เป็นการใช้เครื่องดนตรีเพื่อการประกอบอาชีพ
การแสดงคอนเสริต์ในสมัยก่อนมักจะถูกจัดขึ้นในวังหรือโบสถ์ขนาดใหญ่ แต่ในสมัยโรแมนติกมีการสร้างโรงแสดงคอนเสริต์ ( Concert Hall ) ขนาดใหญ่มากมายประกอบกับการคมนาคมการเดินทางที่สะดวกสบายขึ้นทำให้นักดนตรีสามารถเดินทางออกแสดงดนตรี
แสดงคอนเสริต์โดยไม่ต้องแสดงเฉพาะในวังหรือในโบสถ์เท่านั้น
มีหลายครั้งที่นักประพันธ์เป็นผู้จัดคอนเสริต์เองเพื่อให้เป็นที่รู้จักและเป็นแหล่งที่มาของรายได้
อุดมคติและเป้าหมายของศิลปะในยุคโรแมนติก
คนในยุคโรแมนติกคิดว่าถ้าต้องการค้นหาความหมายของชีวิตต้องมองเข้าไปภายในจิตใจของตนเอง
ศิลปินและคนในสมัยนั้นมีความเห็นว่าเป้าหมายของศิลปะไม่ใช่เพื่อรับใช้
หรือสร้างวความบันเทิงให้กับเจ้านาย
ศิลปินในแต่ละคนควรจะมีอิสระที่จะถ่ายทอดความรู้สึกส่วนตัวผ่านงานศิลปะ ศิลปินควรจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
งดงาม
ความเชื่อและความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวผ่านงานศิลปะของตน และมีความเชื่อว่ากวี และศิลปินเป็นวีรบุรุษ ( Hero ) และสามารถช่วยเหลือสังคม
โดยการช่วยให้สังคมค้นพบคุณค่าที่สูงส่งและช่วยยกระดับจิตใจของมนุษยได้
คนในยุคโรแมนติกเชื่อว่าเราจะเข้าใจโลกได้ดีที่สุดโดยใช้อารมณ์ ความรู้สึก
ไม่ใช่ปัญญาและเหตุผล คนคิดว่าจินตานาการและความคิดสร้างสรรค์ควรจะถูกนะมาใช้เพื่อสัมผัสใจ สร้างความประทับใจให้คนดู
เพราะฉนั้นจึงมีความคล้ายคลึงกันระหง่างปรัชญาบาโรคกับ โรแมนติก ( คลาสสิกความคิดเรียบง่ายสมดุล ความรู้เป็นเหตเป็นผล ศิลปะย้อนกลับไปหากรีกโรมันโบราณ )
เบโธเฟ่นเป็นศิลปิน 2 ยุค
มีชีวิตช่วงปลายคลาสสิกเพลงที่แต่งนำเราเข้าสู่ยุคโรแมนติก ชีวิตทุกข์ทรมาน แสวงหาการยอมรับในสังคม ต้องการยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้านายได้โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนรับใช้เป็นนักประพันธ์อิสระไม่มีรายได้ประจำ
ซึ่งยังมาหูหนวกทำให้ต้องเลิกอาชีพนักดนตรี และประพันธ์เพลงเพียงอย่างเดียว เขาถอนตัวจากสังคมไปอยู่โดดเดี่ยว
เบโธเฟ่นมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะด้านดนตรีและ เพื่อคุณค่าของดนตรีที่มีต่อมนุษยชาติ
เปียโนเป็นสัญลักษณ์ทางดนตรีในยุคโรแมนติก
เนื่องจากสะท้อนจิตวิญญาณความโรแมนติก
มีความเป็นเอกเทศเราสามารถบรรเลงเพียงชั้นเดียวได้โดยไม่ต้องบรรเลงเป็นวงก็เป็นเพลงที่ไพเราะแล้ว สะท้อนอิสรภาพ
เสรีภาพ มีRange เสียงและ Dynamic ที่กว้างตั้งแต่เสียงกระชับจนกระทั่งเสียงที่ทรงพลัง
ทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้หลากหลาย
สามารถบรรเลงได้ทั้งที่บ้านและ Concert Hall อีกทั้งการปฎิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดโรงงานมีการพัฒนาเครื่องจักรกล
และกระบวนการผลิตทำให้คนจำนวนมากเป็นเจ้าของเปียโนได้
มีการใช้ Keyboard effect แบบใหม่ Crescendo @ Diminuendo
Sforzando Tremolo Glissando ที่นักประพันธ์คิดขึ้น
เพื่อให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเพลงได้มากขึ้นทำให้มีพัฒนาคุณภาพของเครื่องดนตรีมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเปียโนในช่วงศตววษที่ 19 ไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับการบรรเลงที่ทรงพลังของยุคโรแมนติก “ Pageta mer” เดิม5 ½ Octave
โครงไม้
ความตึงของสาย 2 ต้น
ก่อนหุ้มด้วยหนัง
เปียโนมีการพัฒนามากขึ้นในช่วงปี 1820 - 1870 ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยี่ในช่วงปฎิวัติอุตสาหกรรม
มีการเสริมเหล็กเข้าไปในในโครงไม้และพัฒนาเป็รโครงเหล็กในช่วงต่อมาเพื่อที่จะให้สามารถใช้สายที่ใหญ่ขึ้นและขึงให้ตรึงได้มากขึ้น่ มีค้อนขนาดใหญ่และหนักมากขึ้นทำให้เสียงเปียโนเต็มและมีพลังมากขึ้น
71/4Octave โครงเหล็กสายหนา
Tension 30 ตันหุ้มค้อนด้วยสักหลากขนแกะ
สำหรับนักประพันธ์โรแมนติกแล้วแรงบันดาลใจมีความสำคัญ
นักประพันธ์จำนวนมากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรรกรรมหรืองานเขียนต่างๆ
ดนตรีโรแมนติกส่วนใหญ่จึงทำหน้าที่เหมือนดนตรีเล่าเรื่อง Sohumann List
นักประพันธ์และผู้คนในยุคโรแมนติกมีความชื่นชมดื่มด่ำกับธรรมชาติมากๆ
เมื่อมองธรรมชาติจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย เช่น ป่าเขา- สวย
ภัยธรรมชาติ- ความอ่อนแอ
สิ้นหวัง
นักประพันธ์มองธรรมชาติว่าเป็นโลกที่มนุษยยังไม่ได้เข้าไปทำให้มีมลทิน ธรรมชาติเป็นสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ นักประพันธ์จำนวนมากที่แต่งเพลงโดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
นักประพันธ์สนใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าโครงสร้าง จึงลดความสนใจ Sonata
Form แต่นักประพันธ์ให้ความสนใจในการแต่ง
Character Piece เป็นเพลงสั้นๆจบในตัวถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในเพลงนั้น ส่วนมากเป็น Ternary Form มีชื่อเพลงที่ทำให้มองเห็นภาพ
เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ผ่านมาชั่ววูบแล้วเล่าเป็นเพลง P. 94 ล้อเลียนการแต่งเพลงของChopin
-
เพลงโรแมนติกส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากFolk Music เพลงพื้นเมือง
-
ดนตรีคตินิยมปลายทศวรรษที่
19 ภาคภูมิใจในความเป็นคนชาตินั้นๆส่งถึงความเป็นชาติ
-
Exoticism
สนใจวัฒนธรรมหลากหลาย
ดนตรีตะวันออกและแดนไกล เพลงเพื่อบรรยายดินแดนที่อยู่ห่างไกล